0868215560

@apgreen-3

ปลูกพืชไร้ดินไม่ยากอย่างที่คิด

ขอบคุณรูปภาพจาก www.intrend.trueid.net

หลายคนอาจจะคิดว่าการปลูกพืชไร้ดินเป็นเรื่องยาก แต่ความจริงแล้ว การปลูกพืชไร้ดินไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด หากว่าเรารู้จักระบบไฮโดรโปนิกส์เป็นอย่างดี สำหรับระบบไฮโดรโปนิกส์ที่สามารถเรียนรู้ได้อย่างง่าย ๆ จะมีทั้งหมด 3 ระบบด้วยกัน

ระบบไฮโดรโปนิกส์ที่เรียนรู้ได้ง่าย

ขอบคุณรูปภาพจาก www.www.canna.com.au

1. NFT (Nutrient Film Technique)

ระบบนี้เป็นการปลูกพืชโดยให้รากสัมผัสกับสารอาหารเรื่อย ๆ ซึ่งสารอาหารของพืชจะไหลเป็นแผ่นฟิลม์บาง ๆ หนาประมาณ 1-3 มิลลิเมตรเท่านั้น และสารละลายธาตุอาหารที่มีการไหลผ่านไปแล้ว จะมีการไหลหมุนเวียนกลับมาใช้อีกครั้ง

ขอบคุณรูปภาพจาก www.www.baanlaesuan.com

2. DFT (Deep Flow Technique)

ระบบนี้เป็นการปลูกพืชโดยให้รากสัมผัสกับสารอาหารในน้ำลึก 3-5 เซนติเมตร โดยระบบนี้จำเป็นที่จะต้องปลูกในราง ในภาชนะ หรือในถาดปลูกก็ได้

3. DRFT (Dynamic Root Floating Technique)

ระบบนี้จะคล้ายกับระบบ DFT แต่จะเป็นการปลูกพืชโดยให้รากสัมผัสกับสารอาหารในน้ำลึก 3-5 เซนติเมตรและอากาศ

แต่ละระบบนี้มีการปลูกที่แตกต่างกัน แต่ระบบที่ปลูกได้ง่ายที่สุดก็คือ ระบบน้ำตื้น หรือ NFT ระบบนี้จะเหมาะสำหรับการเริ่มปลูกพืชไร้ดินมือใหม่มากที่สุด

การปลูกพืชไร้ดินดีกว่าการปลูกลงดินอย่างไร

การปลูกพืชไร้ดินมีข้อดีหลายอย่างด้วยกัน ทั้งใช้แรงในการทำงานที่น้อยกว่า เพราะไม่ต้องไปขุดดินแต่เป็นการใช้ระบบน้ำไหลแทน และยังสามารถควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลดีต่อพืชได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอากาศ อุณหภูมิ ธาตุอาหาร และแสง ทำให้พืชมีโอกาสเติบโตสมบูรณ์มากกว่า และยังป้องกันโรค และแมลงศัตรูพืชได้ง่าย

ขอบคุณรูปภาพจาก www.www.opsmoac.go.th

ปลูกพืชไร้ดินมีขั้นตอนอย่างไร

ขั้นตอนในการปลูกพืชไร้ดินจะไม่ยุ่งยากและใช้ระยะเวลานานเท่ากับการปลูกพืชลงดิน มีขั้นตอนอย่างไรบ้างมาดูกันเลย

  1. ต้องเตรียมพื้นที่และโต๊ะปลูก สามารถติดตั้งอุปกรณ์ได้ตามวิธีการประกอบชุดไฮโดรโปนิกส์ และนำโต๊ะปลูกมาวางในตำแหน่งที่ได้รับแสงแดดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง/วัน
  2. พันธุ์และเมล็ดพันธุ์ผัก มี 2 ชนิดคือ
    1. เมล็ดแบบเคลือบดินเหนียว จะเป็นเมล็ดผักมีขนาดเล็ก ทำให้เกิดการเสียหายได้ง่าย จึงมีการเคลือบเมล็ดด้วยดินเหนียวเอาไว้ ซึ่งเมล็ดที่เคลือบจะมีอายุการเก็บรักษาสั้น เพราะมีการกระตุ้นการงอกมาแล้ว แต่จะสะดวกสำหรับการใช้งาน
    2. เมล็ดแบบไม่เคลือบ จะเป็นเมล็ดพันธุ์ปกติ
  3. การเพาะต้นกล้า
    1. นำวัสดุปลูก เช่น เพอร์ไลท์ เวอร์มิคูไลท์ ใส่ถ้วยเพาะ
    2. นำเมล็ดผักใส่ตรงกลางถ้วย
    3. กลบเมล็ดและรดน้ำให้เปียก
    4. เก็บไว้ในที่ปลอดภัย
    5. รดน้ำทุกวัน ประมาณ 3-5 วัน เมล็ดเริ่มงอก
    6. เริ่มให้สารละลายอ่อน ๆ แทนน้ำ
  4. การปลูกบนราง ขนาด 1.5 เมตร
    1. เติมน้ำ 10 ลิตร และเติมสารอาหาร A และ B อย่างละ 100 ซีซี หรือ 10 ซีซี/น้ำ 1 ลิตร
    2. นำต้นกล้าที่แข็งแรง อายุประมาณ 2 สัปดาห์ ย้ายมาวางบนโต๊ะปลูก และเดินเครื่องปั๊มน้ำ
  5. การดูแลประจำวัน
    1. รักษาระดับน้ำให้อยู่ในระดับควบคุมอยู่เสมอ เช่น 10 ลิตร
    2. ควบคุมค่า EC อยู่ระหว่าง 1-1.8 โดยเครื่อง EC meter ปรับลดโดยการเพิ่มน้ำ และปรับค่า EC เพิ่มโดยการเพิ่มปุ๋ย
    3. ควบคุมค่า pH อยู่ระหว่าง 5.2-6.8 โดยเครื่อง pH meter หรือ pH Drop test ปรับลดโดยการกรดฟอสฟอริก หรือกรดไนตริก (pH down) และปรับค่า pH เพิ่มโดยการเติมโปตัสเซียมไฮดรอกไซด์ (pH up) ปริมาณ 2-3 หยด
  6. การเก็บเกี่ยว เก็บเกี่ยวเมื่ออายุ 45 วัน

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนคงรู้แล้วว่าการปลูกพืชไร้ดินนั้นไม่ยากเลย นอกจากนี้การปลูกพืชชนิดนี้ยังมีความปลอดภัยสูงในการรับประทาน และดีต่อสุขภาพหลายอย่าง หากใครที่สนใจอยากลองปลูกพืชไร้ดินไว้รับประทานเอง หรือต้องการจะปลูกขาย ก็ลองศึกษาจนมีความชำนาญและนำสิ่งเหล่านี้ไปปรับใช้ให้เหมาะกับความสะดวกในการปลูกของแต่ละคนได้

Scroll to Top