ขอบคุณรูปภาพจาก www.mainstand.co.th

ประกาศเป็นทางการแล้วว่า อิปสวิช ทาวน์ จะคืนสู่เวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นทางการในซีซั่น 2024-2025 แน่นอน จบการรอคอยอันแสนยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ หลังจากพวกเขาเล่นในเวทีสูงสุดของเมืองผู้ดีครั้งสุดท้ายต้องย้อนไปในปี 2002 กันเลยทีเดียว และการกลับมาของพวกเขาครั้งนี้จะเป็นอย่างไร เรื่องนี้น่าติดตามแน่นอน

ขอบคุณรูปภาพจาก www.sportingnews.com

ประวัติ อิปสวิช ทาวน์ ในสนามแข่งขันมีเหตุการณ์น่าสนใจมากมาย

ประวัติของสโมสร

ประวัติความเป็นมาของ อิปสวิช ทาวน์ สโมสรเก่าแก่ที่สุดอีกแห่งของอังกฤษ โดยก่อตั้งขึ้นในปี 1878 ก่อนจะพัฒนาสู่สโมสรอาชีพในปี 1936 โดยพวกเขาเข้าสู่ฟุตบอลลีกเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 1938 โดยเริ่มจากดิวิชั่น 3 และค่อยพัฒนาทีมต่อเนื่อง แต่ผลงานยังไม่ดีมากนัก ภายใต้การนำทัพของ สกอตต์ ดัน อย่างไรก็ตามแผนงานของทีมเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เมื่อ เซอร์ อัลฟ์ แรมซี่ย์ เข้ามานั่งเก้าอี้กุนซือของทีมในปี 1955 ส่งผลให้ทีมคว้าแชมป์ดิวิชั่น 2 และเลื่อนชั้นสู่ระดับดิวิชั่น 1 สำเร็จในซีซั่น 1960-61

ซีซั่น 1962-63 ทัพ เดอะ บลูส์ ยังคงรักษาฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่อง จนจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งแชมป์ดิวิชั่น 1 พร้อมคว้าตั๋วไปเล่นบอลถ้วยยุโรป จากผลงานของคู่หูแดนหน้าอย่าง เท็ด ฟิลลิปส์, เรย์ ครอว์ฟอร์ด ประสานงานกับ 4 มิดฟิลด์อย่าง ดั๊ก มอแรน, จิมมี่ ลีดเบทเทอร์ ผนึกกำลังร่วมกับ รอย สตีเฟนสัน และ จอห์น เอลส์เวิร์ทธีย์ รวมถึงได้ 3 แผงหลังช่วยทีมอย่าง บิลลี่ แบกซ์เตอร์, แอนดี้ เนลสัน, ลาร์รี่ คาร์เบอร์รี่, จอน คอมพ์ตัน ในขณะที่ รอย เบลี่ย์ ช่วยเซฟช็อตสำคัญเอาไว้

เหตุการณ์ที่เหมือนจะดีแต่กลับต้องชะงักเมื่อ แรมซี่ย์ ตัดสินใจลาจากทีมเพื่อคุมทีมชาติอังกฤษ ทำให้ทีมต้องหาผู้จัดการทีมคนใหม่ทันที ก่อนจะได้ แจ็กกี้ มิลเบิร์น มารับหน้าที่แทน แต่ฝากผลงานไว้แค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น ส่งผลให้ บิล แม็คการ์รี มารับช่วงต่อ แต่อยู่ได้ไม่นานต้องส่งไม้ต่ออีกครั้ง และครั้งนี้ทางทัพม้าขาว มองว่า เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน คือคนที่เหมาะสมกับงานนี้มากที่สุด แม้ช่วงแรกแผนงานของกุนซือป้ายแดงไม่ได้ราบรื่นมากนัก แต่ในเวลาต่อมาเขาสามารถเปลี่ยนทีมให้ดีขึ้นตามลำดับ และพาทีมคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 อีกคำรบ และหนังม้วนเดิมเกิดขึ้นกับทีมอีกครั้งเมื่อ ร็อบสัน เลือกนั่งเก้าอี้ผู้จัดการทีมคนต่อไปของทัพสิงโตคำราม

แผลใจของทีมที่ต้องเสียกุนซือคนสำคัญให้กับทีมชาติอังกฤษ

การเสียผู้จัดการทีมอย่าง แรมซี่ย์ และ ร็อบสัน ให้กับทัพทรี ไลออนส์ ไม่ใช่เรื่องดีต่อทีม เพราะพวกเขาเจอปัญหาฟอร์มร่วงอย่างหนัก ถึงขั้นเคยร่วงสู่ดิวิชั่น 2 ทันทีหลังจากเสียกุนซือฝีมือดีไป ทั้งในปี 1964 และปี 1986 ส่งผลให้พวกเขาต้องนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง เพื่อพาทีมเลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 หรือในปัจจุบันคือ “เดอะ แชมเปี้ยนชิพ” ทั้งนี้พวกเขาจมดิ่งในดิวิชั่น 2 นานถึง 6 ซีซั่น ก่อนจะเลื่อนชั้นสำเร็จในปี 1992 ภายใต้การคุมทีมของ จอห์น ไลออล และนับว่าเป็นทีมรุ่นแรกของเวที “พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” พอดี

การเลื่อนชั้นสู่ EPL เป็นเรื่องน่ายินดี

ทัพม้าขาว มีผลงานเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่งของเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งกลายเป็นเวทีสูงสุดของเมืองผู้ดี จนทำให้พวกเขาพยุงตัวในการแข่งขันเพียงแค่ 3 ซีซั่นเท่านั้น ก่อนตกชั้นเป็นทางการในปี 1995 เพื่อตั้งต้นใหม่ในดิวิชั่น 1 ทั้งนี้หลังจากตกชั้นเป็นทางการ พวกเขาใช้เวลานานถึง 5 ปี จึงกลับมาสู่เวทีสูงสุดของอังกฤษได้ ซึ่งก็คือในปี 2000 จากการนำทัพของ จอร์จ เบอร์ลี่ย์ ส่วนรอบนี้พวกเขาสร้างความอุ่นใจให้กับแฟน ๆ ได้แค่ 2 ฤดูกาล เพราะในปี 2002 ตกชั้นสู่เวทีดิวิชั่น 1 อีกครั้ง และกินเวลายาวนานกว่า 2 ทศวรรษกว่าจะพลิกสถานการณ์กลับมาสู่เวทีที่พวกเขารอคอยสำเร็จ ภายใต้การนำทัพของ คีแรน แม็คเคนนา อดีตมือขวาของ 2 กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่าง โจเซ่ มูรินโญ่ และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

อิปสวิช ทาวน์ ปิดฉากการรอคอยยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ หลังฟอร์มดีจนคว้าตั๋วคืนสู่ พรีเมียร์ลีก

การคืนสู่สังเวียน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ครั้งนี้ต้องเท้าความไปถึงฟอร์มของพวกเขาในซีซั่น 2023-24 ร้อนแรงมาโดยตลอด ให้จบซีซั่นด้วยคะแนนตามหลังทีมแชมป์อย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ เพียงแค่ 1 แต้มเท่านั้น ที่สำคัญฟอร์มร้อนแรงของพวกเขาทำให้มีสกอร์รวมสูงที่สุดในลีกถึง 92 ประตูจาก 46 นัด โดยแมตช์สุดท้ายของพวกเขาก่อนเลื่อนชั้นคือ เอาชนะ ฮัดเดอร์ฟิลด์ ทาวน์ มาได้ด้วยสกอร์ 2-0 จากผลงานของ เวส เบิร์นส และ โอมารี ฮัตชินสัน

ขอบคุณรูปภาพจาก www.matichonweekly.com

ความท้าทายของ อิปสวิช ทาวน์ หลังก้าวสู่ EPL ครั้งนี้พวกเขาจะทำออกมาได้ดีแค่ไหน

ตอนนี้ อิปสวิช ทาวน์ ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นสู่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เรียบร้อยแล้ว พร้อมความคาดหวังจากแฟน ๆ ของ Ipswich Town F.C. ว่าจะได้เห็นฟอร์มร้อนแรงของพวกเขาอีกครั้ง รวมถึงแฟนบอล ผีแดง ไม่น้อยอยากเห็นฝีมือการทำทีมของคนคุ้นเคยจากถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ว่า การรับบทบาทกุนซือครั้งนี้เขาสามารถสร้างโอกาสให้ทีมยืนในศึก พรีเมียร์ลีก ระยะยาวหรือไม่

Scroll to Top