หลายคนอาจจะคิดว่าการปลูกพืชไร้ดินเป็นเรื่องยาก แต่ความจริงแล้ว การปลูกพืชไร้ดินไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด หากว่าเรารู้จักระบบไฮโดรโปนิกส์เป็นอย่างดี สำหรับระบบไฮโดรโปนิกส์ที่สามารถเรียนรู้ได้อย่างง่าย ๆ จะมีทั้งหมด 3 ระบบด้วยกัน
ระบบไฮโดรโปนิกส์ที่เรียนรู้ได้ง่าย
1. NFT (Nutrient Film Technique)
ระบบนี้เป็นการปลูกพืชโดยให้รากสัมผัสกับสารอาหารเรื่อย ๆ ซึ่งสารอาหารของพืชจะไหลเป็นแผ่นฟิลม์บาง ๆ หนาประมาณ 1-3 มิลลิเมตรเท่านั้น และสารละลายธาตุอาหารที่มีการไหลผ่านไปแล้ว จะมีการไหลหมุนเวียนกลับมาใช้อีกครั้ง
2. DFT (Deep Flow Technique)
ระบบนี้เป็นการปลูกพืชโดยให้รากสัมผัสกับสารอาหารในน้ำลึก 3-5 เซนติเมตร โดยระบบนี้จำเป็นที่จะต้องปลูกในราง ในภาชนะ หรือในถาดปลูกก็ได้
3. DRFT (Dynamic Root Floating Technique)
ระบบนี้จะคล้ายกับระบบ DFT แต่จะเป็นการปลูกพืชโดยให้รากสัมผัสกับสารอาหารในน้ำลึก 3-5 เซนติเมตรและอากาศ
แต่ละระบบนี้มีการปลูกที่แตกต่างกัน แต่ระบบที่ปลูกได้ง่ายที่สุดก็คือ ระบบน้ำตื้น หรือ NFT ระบบนี้จะเหมาะสำหรับการเริ่มปลูกพืชไร้ดินมือใหม่มากที่สุด
การปลูกพืชไร้ดินดีกว่าการปลูกลงดินอย่างไร
การปลูกพืชไร้ดินมีข้อดีหลายอย่างด้วยกัน ทั้งใช้แรงในการทำงานที่น้อยกว่า เพราะไม่ต้องไปขุดดินแต่เป็นการใช้ระบบน้ำไหลแทน และยังสามารถควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลดีต่อพืชได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอากาศ อุณหภูมิ ธาตุอาหาร และแสง ทำให้พืชมีโอกาสเติบโตสมบูรณ์มากกว่า และยังป้องกันโรค และแมลงศัตรูพืชได้ง่าย
ปลูกพืชไร้ดินมีขั้นตอนอย่างไร
ขั้นตอนในการปลูกพืชไร้ดินจะไม่ยุ่งยากและใช้ระยะเวลานานเท่ากับการปลูกพืชลงดิน มีขั้นตอนอย่างไรบ้างมาดูกันเลย
- ต้องเตรียมพื้นที่และโต๊ะปลูก สามารถติดตั้งอุปกรณ์ได้ตามวิธีการประกอบชุดไฮโดรโปนิกส์ และนำโต๊ะปลูกมาวางในตำแหน่งที่ได้รับแสงแดดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง/วัน
- พันธุ์และเมล็ดพันธุ์ผัก มี 2 ชนิดคือ
- เมล็ดแบบเคลือบดินเหนียว จะเป็นเมล็ดผักมีขนาดเล็ก ทำให้เกิดการเสียหายได้ง่าย จึงมีการเคลือบเมล็ดด้วยดินเหนียวเอาไว้ ซึ่งเมล็ดที่เคลือบจะมีอายุการเก็บรักษาสั้น เพราะมีการกระตุ้นการงอกมาแล้ว แต่จะสะดวกสำหรับการใช้งาน
- เมล็ดแบบไม่เคลือบ จะเป็นเมล็ดพันธุ์ปกติ
- การเพาะต้นกล้า
- นำวัสดุปลูก เช่น เพอร์ไลท์ เวอร์มิคูไลท์ ใส่ถ้วยเพาะ
- นำเมล็ดผักใส่ตรงกลางถ้วย
- กลบเมล็ดและรดน้ำให้เปียก
- เก็บไว้ในที่ปลอดภัย
- รดน้ำทุกวัน ประมาณ 3-5 วัน เมล็ดเริ่มงอก
- เริ่มให้สารละลายอ่อน ๆ แทนน้ำ
- การปลูกบนราง ขนาด 1.5 เมตร
- เติมน้ำ 10 ลิตร และเติมสารอาหาร A และ B อย่างละ 100 ซีซี หรือ 10 ซีซี/น้ำ 1 ลิตร
- นำต้นกล้าที่แข็งแรง อายุประมาณ 2 สัปดาห์ ย้ายมาวางบนโต๊ะปลูก และเดินเครื่องปั๊มน้ำ
- การดูแลประจำวัน
- รักษาระดับน้ำให้อยู่ในระดับควบคุมอยู่เสมอ เช่น 10 ลิตร
- ควบคุมค่า EC อยู่ระหว่าง 1-1.8 โดยเครื่อง EC meter ปรับลดโดยการเพิ่มน้ำ และปรับค่า EC เพิ่มโดยการเพิ่มปุ๋ย
- ควบคุมค่า pH อยู่ระหว่าง 5.2-6.8 โดยเครื่อง pH meter หรือ pH Drop test ปรับลดโดยการกรดฟอสฟอริก หรือกรดไนตริก (pH down) และปรับค่า pH เพิ่มโดยการเติมโปตัสเซียมไฮดรอกไซด์ (pH up) ปริมาณ 2-3 หยด
- การเก็บเกี่ยว เก็บเกี่ยวเมื่ออายุ 45 วัน
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนคงรู้แล้วว่าการปลูกพืชไร้ดินนั้นไม่ยากเลย นอกจากนี้การปลูกพืชชนิดนี้ยังมีความปลอดภัยสูงในการรับประทาน และดีต่อสุขภาพหลายอย่าง หากใครที่สนใจอยากลองปลูกพืชไร้ดินไว้รับประทานเอง หรือต้องการจะปลูกขาย ก็ลองศึกษาจนมีความชำนาญและนำสิ่งเหล่านี้ไปปรับใช้ให้เหมาะกับความสะดวกในการปลูกของแต่ละคนได้